AAHA Nutritional Assessment Guidelines for Dogs and Cats
ในปัจจุบันสัตวแพทย์จะเจอเจ้าของที่พาน้องหมาน้องแมวอ้วนเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลสัตว์มากขึ้น ซึ่งภาวะอ้วนนี้มักแฝงด้วยปัญหาทางสุขภาพที่ตามมามากมายทั้งต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงจากข้อมูลของทาง Association for Pet Obesity Prevention ของสหรัฐอเมริกา พบว่า สุนัข 59.5% และแมว 55.8% มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ส่งผลให้น้องๆเหล่านี้มีความผิดปกติต่อร่างกายในหลายๆระบบไม่ต่างจากในมนุษย์เลย เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบโครงร่าง เช่น ข้อเข่า หัวไหล่ข้อศอกและข้อสะโพก โรคเบาหวาน ความดัน ภาวะไขมันพอกตับ รวมทั้งส่งผลให้น้องๆมีอายุขันที่สั้นลงด้วย ดังนั้น American Animal Hospital Association (AAHA) จึงได้ออกแนวทางปฏิบัติ AAHA Nutritional Assessment Guidelines for Dogs and Cats สำหรับสัตวแพทย์เพื่อช่วยลดปัญหาทางโภชนาการเช่น โรคอ้วนและช่วยให้สัตวแพทย์สามารถอธิบายกับเจ้าของให้สามารถจัดการทางด้านโภชนาการและสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยงให้ดียิ่งขึ้นโดยการให้คำแนะนำด้านโภชนาการเพื่อให้เกิดความร่วมมือและความเข้าใจร่วมกันระหว่างสัตวแพทย์กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง
1. การประเมินคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร (Nutrition Assessments)
ตาม guideline ของ AAHA สัตวแพทย์ควรประเมินโภชนาการของสุนัขและแมวทุกตัวในการตรวจร่างกายเพื่อใช้เป็นคำแนะนำด้านโภชนาการสำหรับเจ้าของให้เข้าใจและปฏิบัติตาม The Circle of Nutrition โดยข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถระบุความต้องการทางโภชนาการขั้นพื้นฐานของสัตว์เลี้ยง /แนะนำปริมาณอาหารหรือปริมาณขนมที่เหมาะสมและกำหนดแผนทางโภชนาการเช่นแผนการลดน้ำหนัก เป็นต้น
การประเมินทางโภชนาการของสุนัขและแมว เช่น
- สัตว์เลี้ยงอาศัยในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น
- สุนัขและแมวมี Body Condition Score หรือ Muscle Condition Score ที่เหมาะสมหรือไม่
- สุนัขหรือแมวมีภาวะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
- มีการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรม (activity level) อย่างชัดเจนหรือไม่
The Circle of Nutrition: 3 ปัจจัยหลักในการประเมินโภชนาการ
The Circle of Nutrition ถูกพัฒนาขึ้นโดย American College of Veterinary Nutrition ประกอบขึ้นด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ คือ สัตว์เลี้ยง, อาหารสัตว์เลี้ยง, การจัดการอาหารและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความร่วมมือและความเข้าใจในการจัดการทางโภชนาการร่วมกันระหว่างสัตวแพทย์กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ดี
ตัวสัตว์เลี้ยงเอง (Pet)
อายุ เพศ กิจกรรมประจำวัน และปัญหาสุขภาพ ข้อมูลนี้ช่วยให้สัตวแพทย์สามารถกำหนดโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ เช่น สุนัขพันธุ์เล็กอายุน้อย ต้องการแคลอรี่และสารอาหารต่างจากสุนัขสูงวัย หรือแมวที่ทำหมันแล้วอาจมีแนวโน้มอ้วนง่ายกว่าปกติ
อาหารที่ให้ (Pet’s Diet)
- ความเหมาะสมและความปลอดภัยของอาหารของสัตว์เลี้ยงต่อตัวสัตว์
- การจัดเก็บอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสม
- การปนเปื้อนของเชื้ออจุลินทรีย์ก่อโรคหรือสารอื่นๆที่เป็นอันตราย
- ความไม่สมดุลของสารอาหาร เช่นการขาด thiamine ในอาหารหรือการมีวิตามิน D ที่สูงเกินไปในอาหาร เป็นต้น
การจัดการอาหารและปัจจัยสิ่งแวดล้อม
(Feeding Management and Environmental Factors)
โดยข้อมูลเหล่านี้จะสามารถประมาณแคลอรี่ที่สัตว์ได้รับต่อวันได้
- ปริมาณการให้อาหารและขนม
- ความถี่ของการให้อาหารและขนม
- ภาชนะอาหารต่อจำนวนสัตว์เลี้ยง
- จำนวนของสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน การแย่งกินอาหารของสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงด้วยกัน
2. ประเมิน Body Condition Score (BCS) และ Muscle Condition Score (MCS)
การประเมินลักษณะรูปร่าง (BCS) และกล้ามเนื้อ (MCS) ช่วยให้เจ้าของรู้ว่าน้องอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดีหรือไม่ เช่น
- มองจากด้านบนแล้วเห็นเอวชัดเจนไหม?
- ลองคลำซี่โครงน้องดู ต้องสัมผัสได้แต่ไม่ควรชัดเกินไป
หากสงสัยว่าน้องเริ่มอ้วนหรือผอมเกินไป แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อประเมินค่า BCS & MCS อย่างละเอียด

3. การสื่อสารระหว่างสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยง
(Communication is Key)
คำแนะนำต่างๆที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงปฏิบัติตาม ดังนั้นสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยมีเป้าหมายว่า สัตว์เลี้ยงจะมีสุขภาพดีดังนั้นการประเมินทางโภชนาการและขั้นตอนติดตามผลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
บทสรุป
สัตว์เลี้ยงตัวอ้วนๆที่สัตวแพทย์พบเจอเหล่านั้น เคยได้รับการประเมินทางโภชนาการอย่างเป็นประจำหรือไม่ การประเมินโภชนาการที่ดี รวมทั้งคำแนะนำทางโภชนาการสามารถช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดีขึ้นได้ ฉะนั้นแนวทางการประเมินโภชนาการของ AAHA สำหรับสุนัขและแมวจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญแก่สัตวแพทย์เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีชีวิตที่ดี มีความสุขและอายุยืนยาวมากขึ้น
หากต้องการอ่านแนวทางฉบับเต็มจาก AAHA:
ดาวน์โหลดเอกสาร AAHA Nutrition & Weight Management Guideline (PDF)