การจัดการด้านโภชนาการของสัตว์ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งควรมีความเฉพาะเจาะจงในสัตว์ป่วยแต่ละตัวโดยพิจารณาจากการประเมินทางภาวะโภชนาการอย่างต่อเนื่อง การจัดการด้านโภชนาการนี้อาจส่งผลต่อระยะเวลาการหาย (remission time) ระยะเวลาการรอดชีวิต (survival time) และคุณภาพชีวิต (quality of life) ของสัตว์ป่วย
นอกจากนี้ ยังสามารถทำให้สัตว์ป่วยรู้สึกดีขึ้นด้วยการให้เจ้าของเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงของตน สัตวแพทย์จำเป็นต้องทำความเข้าใจและแนะนำถึงแผนการรักษาสัตว์ป่วยโรคมะเร็งกับเจ้าของให้เข้าใจและยอมรับได้อย่างถูกต้อง
Take-Home Points
- โรคมะเร็งจัดเป็นโรคทางพยาธิวิทยาที่ร้ายแรงที่สุด (most common deadly pathological process) ที่ร้อยละ 90 ในสุนัข
- สัตวแพทย์ควรเข้าใจถึงความต้องการทางโภชนาการในสัตว์ป่วยมะเร็ง รวมทั้งสารอาหารที่จำเป็นต้องพิจารณาในการจัดการกับโรคมะเร็ง
- เจ้าของสัตว์ป่วยควรมีส่วนร่วมในการจัดการด้านโภชนาการของสัตว์ป่วยด้วยโรคมะเร็งของตน
- สัตวแพทย์ควรประเมินภาวะโภชนาการในสัตว์ป่วยโรคมะเร็งทุกตัว
- ควรมีการระบุการเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึมของไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตในสัตว์ป่วยมะเร็ง
- การจัดการด้านโภชนาการอาจส่งผลต่อระยะเวลาการหาย การรอดชีวิต และคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่วย
- เป้าหมายหลักของการรักษาสัตว์ป่วยโรคมะเร็งคือ การรักษาน้ำหนัก
- ระบุคำแนะนำทางโภชนาการที่เฉพาะเจาะจงสำหรับสัตว์ป่วยมะเร็งแต่ละตัว โดยขึ้นอยู่กับการประเมินทางโภชนาการของสัตว์ป่วยนั้นอย่างต่อเนื่อง
ความชุกของมะเร็ง (Prevalence of Cancer)
มะเร็งถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยในสุนัขและแมว แต่จะพบในแมวน้อยกว่าในสุนัข มะเร็งจัดเป็นกระบวนการทางพยาธิสภาพที่ร้ายแรงที่สุดในสุนัขและมีรายงานว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดในสุนัขที่มีอายุมากกว่า 1 ปี โดยมีอุบัติการณ์มากกว่าการบาดเจ็บถึง 3 เท่า
ในสหรัฐอเมริกาพบความชุกของโรคมะเร็งสูงสุดในสุนัขสายพันธุ์ Golden Retrievers การศึกษาความชุกในอเมริกาเหนือพบว่า 5 อันดับสายพันธุ์ของสุนัขที่มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสูงสุด ประกอบด้วย Bernese mountain dog, Golden Retriever, Scottish Terrier, Bouvier des Flandres, และ Boxer และจากการศึกษาแบบ retrospective study ในประเทศสวีเดนพบว่า สุนัขสายพันธุ์ Boxers และ Bernese mountain dogs มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญ
การประเมินภาวะโภชนาการ (Nutritional Assessment)
ประเมินภาวะโภชนาการของสัตว์ป่วยในแต่ละตัว ดังนี้
- ประเภทของอาหาร
- ปริมาณอาหารที่ให้
- วิธีการให้อาหาร
- ความอยากอาหารของสัตว์ป่วย
- ทัศนคติของเจ้าของสัตว์ที่มีต่อการจัดการทางโภชนาการของสัตว์ป่วยในปัจจุบัน
สัตวแพทย์ควรใช้คำถามปลายเปิดในระหว่างการประเมิน เพื่อเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากกว่าคำตอบว่าใช่หรือไม่
สิ่งสำคัญในการจัดการสัตว์ป่วยโรคมะเร็งคือ การประเมินน้ำหนักร่างกายปัจจุบันและอดีต (body weights) คะแนนสภาพร่างกาย (body condition score) และคะแนนสภาพกล้ามเนื้อ (muscle condition score) โดยตัวชี้วัดเหล่านี้จะช่วยระบุถึงการได้รับสารอาหารที่เพียงพอหรือไม่
การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึมในสัตว์ป่วยด้วยโรคมะเร็ง (Metabolic Alterations in Patients with Cancer)
สัตวแพทย์ต้องเฝ้าระวังภาวะ cancer cachexia ซึ่งเป็น paraneoplastic syndrome ที่พบว่า มีน้ำหนักและคะแนนสภาพร่างกายลดลงแม้ว่าจะได้รับสารอาหารเพียงพอ
การเปลี่ยนแปลงทางเมแทบอลิซึมควรระบุในสัตว์ป่วยที่เป็นมะเร็ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะ cachexia การตอบสนองต่อการรักษาที่ลดลง อัตราการหายโรคที่ลดลง และอัตราการตายที่เพิ่มขึ้น
การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate Metabolism)
จากการศึกษาพบว่าสุนัขที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและโรค malignant อื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตอย่างมีนัยสำคัญ
เนื้องอกจะเผาผลาญกลูโคสเพื่อเป็นพลังงานและสร้างแลคเตตเป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย ตัวโฮสต์จึงต้องใช้พลังงานเพื่อเปลี่ยนแลคเตทกลับเป็นกลูโคส ส่งผลให้เนื้องอกได้รับพลังงาน แต่ตัวโฮสต์สูญเสียพลังงาน
กระบวนการดังกล่าวนี้ยังทำให้มีระดับแลคเตทและอินซูลินในเลือดสูงขึ้นด้วย ดังนั้นสัตวแพทย์ควรเลี่ยงการให้กลูโคสหรือแลคเตทแก่สัตว์ป่วยที่เป็นมะเร็ง
การเผาผลาญโปรตีน (Protein Metabolism)
สัตว์ป่วยด้วยโรคมะเร็งและมีภาวะ cachexia จะมีการเปลี่ยนแปลงการสังเคราะห์โปรตีนที่เป็นปัจจัยหลักของการลดน้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อ ในขณะเดียวกัน การสลายโปรตีนของกล้ามเนื้อโครงร่าง การสังเคราะห์โปรตีนในตับ และการสังเคราะห์โปรตีนในร่างกายทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น
หากได้รับโปรตีนไม่เพียงพอกับการใช้งาน การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน การทำงานของระบบทางเดินอาหาร และการหายของแผลก็จะได้รับผลกระทบ
การเผาผลาญไขมัน (Fat Metabolism)
การสลายตัวของเนื้อเยื่อไขมันถือเป็นลักษณะสำคัญอีกประการของภาวะ cachexia ในโรคเรื้อรังรวมถึงโรคมะเร็ง
เซลล์มะเร็งมักไม่ใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานเมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ซึ่งแตกต่างจากเนื้อเยื่อของโฮสต์
อาหารที่มีไขมันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกรดไขมัน omega-3 อาจเป็นประโยชน์ต่อสุนัขที่เป็นมะเร็งมากกว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างสูง
ที่มา
https://todaysveterinarynurse.com/nutrition/feeding-the-cancer-patient
สรุปและคำแนะนำจากทีมสัตวแพทย์ Vetprima
การรักษาด้วยโภชนาการสามารถส่งผลต่อระยะเวลาการหาย ระยะเวลารอดชีวิต และคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่วยมะเร็ง
สัตวแพทย์ต้องทำความเข้าใจกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของต้องยอมรับในคำแนะนำและแผนการรักษา
การจัดการทางโภชนาการ จัดเป็นการรักษาอย่างหนึ่งที่สามารถเสนอให้กับเจ้าของสัตว์ป่วยเพื่อให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการรักษาและช่วยให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
การเลือก “อาหารสัตว์ป่วยโรคมะเร็ง” ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรณี เช่น “อาหารแมวโรคมะเร็ง” ที่ย่อยง่าย หรือ “อาหารสุนัขโรคมะเร็ง” ที่มีสัดส่วนพลังงานจากไขมันที่เหมาะสม มีความสำคัญต่อการเสริมประสิทธิภาพการรักษาและคุณภาพชีวิตโดยรวม
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
อาหารสัตว์ระยะพักฟื้นและหลังผ่าตัด