การเตรียมสัตว์ป่วยก่อนการตรวจอัลตราซาวด์
(ขั้นตอนการทำ + เทคนิคการตรวจ + การประเมินอวัยวะ)
รศ.สพ.ญ.ดร. แนน ช้อยสุนิรชร
เพื่อให้ได้ภาพอัลตราซาวด์ที่มีคุณภาพดีเหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัย การเตรียมตัวสัตว์ป่วยที่ดีจะช่วยลดปัจจัยรบกวนในการตรวจอัลตราซาวด์ การเตรียมตัวสัตว์ป่วยเพื่อการตรวจอัลตราซาวด์ ได้แก่
- การงดอาหารกากแก่สัตว์ป่วย เพื่อลดการขยายตัวและการสะสมของอากาศในท่อทางเดินอาหารที่ส่งผลให้เกิดการบดบังอวัยวะอื่นๆ การอดอาหารก่อนการตรวจมักทำการงดในช่วงระยะเวลา 6-8 ชั่วโมงก่อนการตรวจ อย่างไรก็ตาม ในสัตว์ป่วยที่มีความผิดปกติของร่างกายที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของท่อทางเดินอาหาร รวมถึงสัตว์ป่วยที่มีความไวต่อการขาดน้ำตาล อาจจะมีการปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการงดอาหารกากที่ให้เหมาะสมก่อนการตรวจอัลตราซาวด์
- การโกนขนบริเวณที่ทำการตรวจ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของการเคลื่อนภาพของคลื่นเสียงเข้าสู่เนื้อเยื่อผิวหนังของสัตว์ ส่งผลให้ภาพอัลตราซาวด์ที่ได้มีคุณภาพที่ดี มีความคมชัดเพิ่มมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดภาพลวง (artifact) ที่เกิดจากการสะสมของอากาศในซอกขน สัตวแพทย์จะต้องจินตนาการถึงตำแหน่งของอวัยวะต่างๆ จากพื้นผิวหน้าท้องของสัตว์ว่าการวางหัวตรวจนั้นครอบคลุมอวัยวะภายในส่วนท้องในบริเวณที่ต้องการโกนขนหรือไม่ (ภาพที่ 3)
- การให้ยาสงบประสาท จะแตกต่างกันไปในสัตว์แต่ละราย ในการตรวจพื้นฐานของสัตว์ป่วยที่ไม่มีความเครียดสูง สามารถนอนเพื่อให้สัตวแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยได้โดยไม่มีความกังวล อาจจะไม่จำเป็นต้องให้ยาสงบประสาท หรือยาซึมใดๆ หากแต่สัตว์ป่วยมีอาการกังวลสูง ต่อต้าน ดิ้นรน รวมถึงสัตวแพทย์มีแผนการเก็บตัวอย่างเซลล์ หรือชิ้นเนื้อภายใต้การตรวจอัลตราซาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออก การให้ยาสงบประสาท ยาซึม และหรือยาสลบจะให้ประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัย และการทำหัตถการเพิ่มมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดข้อแทรกซ้อน เช่น ภาวะเลือดออกได้

ภาพที่ 3 ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สังเคราะห์สามมิติ (volume rendering computed tomographic image) ของ (ก) พื้นผิวส่วนท้องของสุนัข และ (ข) ตำแหน่งอวัยวะที่อยู่ภายใน
การตรวจอัลตราซาวด์ส่วนท้องของสัตว์ในทางคลินิก
ภายหลังการเตรียมตัวสัตว์ป่วยเพื่อการตรวจแล้ว สัตวแพทย์ควรเลือกท่าที่สัตว์จะนอนสำหรับการตรวจสัตว์ป่วยตามความถนัดของสัตวแพทย์และอาการของสัตว์ป่วย โดยทั่วไปสัตวแพทย์สามารถทำการตรวจส่วนท้องของสัตว์โดยจัดให้สัตว์อยู่ในท่านอนหงาย หากสัตว์มีขนาดตัวใหญ่ อกลึก มีอาการเครียดง่ายเมื่อนอนหงาย หรือมีพยาธิสภาพอื่นใดที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการนอนหงาย สัตวแพทย์อาจจะประยุกต์ใช้การจัดท่าสัตว์ในท่าอื่นๆ เพื่อการตรวจวินิจฉัยได้ อาทิ ท่านอนตะแคง ท่ายืน หรือท่านั่ง เป็นต้น
เนื่องจากสัตว์ป่วยไม่สามารถอธิบายความรู้สึกเจ็บป่วยในตำแหน่งต่างๆ ที่รู้สึกให้สัตวแพทย์ทราบได้อย่างชัดเจน รวมถึงผลตรวจทางคลินิกและอาการทางห้องปฏิบัติการอาจจะแสดงผลที่ไม่จำเพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดปกติในระยะเริ่มแรก ดังนั้น การตรวจอัลตราซาวด์ส่วนท้องทางสัตวแพทย์แบบเป็นระบบทั้งท้อง จะให้ผลตรวจที่ได้ครอบคลุมอวัยวะต่างๆ ตรวจจับรอยโรคในระยะแรกได้มากขึ้น
การตรวจส่วนท้องของร่างกายนั้น จะทำการตรวจในลักษณะวงกลมสองวง (two circle system) โดยแบ่งเป็น
- อวัยวะวงนอก การตรวจอวัยวะส่วนท้องวงนอกนี้ จะเริ่มจากการตรวจบริเวณพื้นผิวบริเวณส่วนหน้าท้อง อาทิ ราวนม (mammary line) สะดือ (umbilicus) ขาหนีบ (inguinal area) อวัยวะเพศผู้ (penis) อัณฑะ (testes) จากนั้นจะทำการตรวจส่วนท้องวงนอก โดยเริ่มจากส่วนท้ายของลำตัว เพื่อลดโอกาสความเจ็บปวดจากการกดหัวตรวจ ทำให้สัตว์มีความเจ็บปวด และไม่ยินยอมให้ตรวจเป็นระยะเวลานาน การเริ่มต้นของการตรวจอวัยวะภายในช่องท้องจะไล่ลำดับจาก กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ต่อมน้ำเหลืองส่วนท้องช่วงกระดูกกระเบนเหน็บ (ileosacral lymphocenter) ทั้งสองด้าน จากนั้นจะทำการไล่การตรวจขึ้นส่วนบนจากทางด้านซ้าย เพื่อตรวจหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) ไตซ้าย (left kidney) รังไข่ซ้าย (left ovary) และปีกมดลูกซ้าย (left uterine horn) ต่อมหมวกไตซ้าย (left adrenal gland) ม้าม (spleen) ตับ (liver) ถุงน้ำดี (gallbladder) ไตขวา (right kidney) ต่อมหมวกไตขวา (right adrenal gland) รังไข่ขวา (right ovary) และปีกมดลูกขวา (right uterine horn)
- อวัยวะวงใน จะเป็นอวัยวะที่อยู่บนเยื่อแขวนลำไส้ (mesentery) อาทิ ท่อทางเดินอาหารส่วนต่างๆ ตับอ่อน (pancreas) และต่อมน้ำเหลือง (lymph node) อวัยวะในกลุ่มนี้จะจับภาพได้ยาก ผู้ตรวจต้องฝึกฝนน้ำหนักมือในการวางหัวตรวจเป็นสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับแรงกดที่เหมาะสมในสัตว์ป่วยที่มีอาการปวดเกร็งส่วนท้องที่แตกต่างกันไป เนื่องจากการออกแรงกดหัวตรวจที่มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนที่ของอวัยวะเหล่านี้ออกจากใต้หัวตรวจ (ภาพที่ 4-6)

ภาพที่ 4 ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใน ก) ท่าตัดขวาง (transverse plane) และ ข) ท่าบนล่าง (dorsal plane) ของอวัยวะที่อยู่พื้นผิว ที่สามารถตรวจได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องออกแรงกดหัวตรวจ อาทิ ม้ามและกระเพาะปัสสาวะ

ภาพที่ 5 ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใน ก) ท่าตัดขวาง (transverse plane) และ ข) ท่าบนล่าง (dorsal plane) ของอวัยวะที่อยู่ส่วนกลางของส่วนท้อง จำเป็นต้องกดส่วนท้องในระดับปานกลาง อาทิ อวัยวะในระบบทางเดินอาหารและตับอ่อน

ภาพที่ 6 ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใน ก) ท่าตัดขวาง (transverse plane) และ ข) ท่าบนล่าง (dorsal plane) ของอวัยวะที่อยู่ส่วนลึกชิดแนวสันหลังของส่วนท้อง ที่จำเป็นต้องกดส่วนท้องมากในการตรวจวินิจฉัย ได้แก่ ไต ต่อมหมวกไต และท่อเลือด
อ้างอิง
- Carovac A et al. 2019. Application of ultrasound in medicine. AIM. 19(3): 168-171.
- Seiler et al., 2022. ACVR and ECVDI consensus statement for the standardization of the abdominal ultrasound examination. Vet Radiol Ultrasound. 63: 661-674.
- Zander D et al. 2020. Ultrasound image optimization (“Knobology”): B-mode. Ultrasound Int Open. 6: E14-E24