Nutritional Management of Feline Pancreatitis
- ในแมว “ขนาดโมเลกุลโปรตีน” อาจมีผลต่อการอักเสบของตับอ่อนมากกว่า “ปริมาณไขมัน”
- โปรตีนและกรดอะมิโนเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์จากตับอ่อนในแมว
- โดยเฉพาะโปรตีนที่ยังไม่ย่อย(intact protein) สามารถกระตุ้นตับอ่อนได้มากกว่ากรดไขมันอิสระ(free amino acid)
- ดังนั้นอาหารสูตรโปรตีนไฮโดรไลซ์(hydrolyzed protein) จึงถูกแนะนำให้ใช้ในแมวที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบเพราะอาจลดการกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์จากตับอ่อนได้
- อีกทั้งอาหาร hydrolyzed protein ยังเพิ่มอัตราการย่อยได้ (increased digestibility) เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก
- อาหาร hydrolyzed protein ลดการสัมผัสของ antigen กับ Gi mucosal เหมาะกับแมวที่มีภาวะ chronic enteropathy (CE)
การจัดการทางโภชนาการในแมวที่เป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
- โดยรวมไม่แตกต่างจากตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
- แต่หากแมวมีโรคร่วม (comorbidities) การวางแผนโภชนาการควรให้ความสำคัญกับโรคที่ส่งผลต่อชีวิตหรือคุณภาพชีวิตมากที่สุดก่อน
Pancreatitis—no comorbid disease
- ในแมวแนะนำให้ใช้ hydrolyzed protein เป็น First-line Diet ในแมวที่เป็นตับอ่อนอักเสบ
Pancreatitis with comorbid disease
1. Pancreatitis with Chronic enteropathy
- Food-responsive enteropathy(FRE) พบ 2 ใน 3 ของ feline chronic enteropathy
- Limited-ingredient diet / hydrolyzed protein
- เลือกอาหารที่ย่อยง่าย
2. Pancreatitis with Triaditis
- Concurrent pancreatitis, cholangitis, and CE พบได้ในแมว 17% – 39%
- อาจเริ่มจากสูตร GI ก่อนแล้วเปลี่ยนช้าๆเป็นสูตร hydrolyzed protein (ผู้เขียนกังวลเรื่องความน่ากิน) แต่ถ้าแมวกินสูตร hydrolyzed protein ได้ดีก็สามารถให้สูตร hydrolyzed protein ได้เลย
- หากเบื่ออาหารน้อยกว่า 3–5 วัน → ใช้ยากระตุ้นความอยากอาหาร, แก้คลื่นไส้ และลดปวด
- หากเบื่ออาหารนานขึ้น → ควรเริ่มให้อาหารผ่านท่อ (assisted enteral nutrition)
- เสริม cobalamin ในรายที่ cobalamin ต่ำ เพราะมีผลต่อความอยากอาหาร
3. Pancreatitis with EPI
- Chronic pancreatitis คือ สาเหตุหลักของ EPI ในแมว
- เสริมเอนไซม์ (PERT), อาหารย่อยง่าย, เสริมวิตามิน B12 (cobalamin) และ วิตามิน E
- หลีกเลี่ยงอาหาร high fiber, แบ่งอาหารให้วันละหลายมื้อเล็ก
4. Pancreatitis with CKD
- ในแมว CKD with concurrent pancreatitis ควรเลือกใช้อาหารไฮโดรไลซ์โปรตีนที่มีฟอสฟอรัสต่ำ (prioritized whenever possible)
- โปรตีนในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่มี proteinuria
5. Pancreatitis with DM
- สุนัขและแมวที่เป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรังสามารถพัฒนาเป็น DM ได้
- ในแมว : ใช้คาร์โบไฮเดรตต่ำ, limited-ingredient diet
- หากแมวมีอาการจากตับอ่อนอักเสบไม่ชัดเจน → อาจให้ความสำคัญกับการควบคุมเบาหวานมากกว่า
การจัดการด้านโภชนาการในโรงพยาบาล
(Management of the Hospitalized Dog or Cat)
1. ภาพรวมและการให้อาหารทางปาก (Overview and oral food intake)
- สนับสนุนการเริ่มให้อาหารตั้งแต่ช่วงต้นของการรักษาโรค (early enteral nutrition, EN) เพราะช่วยให้แมวกลับมากินเองได้เร็วขึ้น, และลดอาการผิดปกติของทางระบบทางเดินอาหาร
- ต้องพิจารณาระยะเวลาที่สัตว์ไม่กินอาหารก่อนเข้ารักษาเพื่อกำหนดความเร่งด่วนในการให้ EN
แนวทางส่งเสริมการกินอาหารของสัตว์ป่วยตับอ่อนอักเสบ :
- รักษาอาการคลื่นไส้ก่อน
- ปรับเปลี่ยนอาหารและสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มความอยากกินอาหาร เช่น
• ใช้กลิ่น รส เนื้อสัมผัสที่สัตว์ชอบ
• อุ่นอาหารเพื่อเพิ่มความน่ากิน
• ป้อนมือ
• ให้เป็นอาหารเปียกเพื่อเพิ่มความน่ากิน
• ลดความเครียดระหว่างกิน - ไม่แนะนำการป้อนทางปากแบบบังคับ เพราะยากต่อการให้พลังงานครบตามที่ต้องการต่อวันและอาจทำให้สัตว์เกิดความเกลียดอาหาร(food aversion) หรือสำลักได้
2. กรณีที่แมวป่วยกินเองไม่ได้
- หากกินเองได้น้อยกว่า 50% ของความต้องการพลังงาน (RER) ภายใน 3–5 วัน ควรเริ่มให้อาหารทางท่อ (assisted EN)
- วันที่ 1 : เริ่มให้ประมาณ 25% ของ RER แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหาร
- หลีกเลี่ยงการให้อาหารเกิน 100% ของ RER ขณะอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ให้ทีละน้อยไม่เกิน 5–10 mL/kg ต่อมื้อและเว้นระยะห่างระหว่างมื้อ
3. วิธีการให้อาหารผ่านท่อ (Assisted EN Methods)
ท่อให้อาหารทางจมูก Nasogastric (NG) หรือ Nasoesophageal (NE tubes)
- สามารถใส่ท่อโดยใช้เพียงยาซึม(ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ)
- งานวิจัยในแมว 55 ตัวที่สงสัยตับอ่อนอักเสบ:
• ให้อาหารผ่าน NG tube ได้ดี
• อัตรารอดชีวิตสูงถึง 91%
• พบอาเจียนเพียง 13% และเกิดในแมวที่อาเจียนอยู่ก่อนแล้ว
• พบภาวะแทรกซ้อนเพียง 13% และพบ hypersalivation 9%
ข้อเสียของ NE/NG tube:
• ท่อมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็ก ทำให้ไม่สามารถใช้กับอาหารบดปั่นได้ (blenderized diets)
ท่อ Esophagostomy (ผ่านหลอดอาหาร)
- เหมาะเมื่อคาดว่าจะต้องให้อาหาร > 7 วัน และสัตว์วางยาสลบได้
- สามารถให้อาหารบดได้ ทำให้ประหยัดกว่าและให้พลังงานต่อปริมาณได้มากกว่าอาหารเหลว
ทางเลือกอื่น :
- ในกรณีที่มีโรคของหลอดอาหาร อาจใช้ท่อที่ใส่เข้ากระเพาะโดยตรง (gastrostomy) หรือเข้าลำไส้เล็ก (jejunostomy)
- ท่อ jejunostomy มีข้อดีคือ หลีกเลี่ยงการกระตุ้นตับอ่อน โดยตรง
- อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในคนพบว่า การให้อาหารทางจมูก (NG) และ jejunostomy ไม่ต่างกันในแง่การรอดชีวิตหรือภาวะแทรกซ้อน
- ดังนั้น การให้อาหารผ่าน NG หรือ esophagostomy tube จึง เพียงพอในสุนัขและแมวป่วยตับอ่อนอักเสบส่วนใหญ่
การเกิดโรคตับอ่อนอักเสบในแมว
ในอดีตโรคตับอ่อนอักเสบถือว่าพบได้น้อยในแมวแต่ในปัจจุบัน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าพบได้บ่อยเช่นเดียวกับในมนุษย์และในสุนัข
สาเหตุการเกิดโรค
- มากกว่า 95% ของตับอ่อนอักเสบในแมวคือไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic and cannot identified specific cause)
- โรคตับอ่อนอักเสบในแมวไม่เกี่ยวข้องกับอายุ เพศหรือสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังไม่พบความสัมพันธ์ของการเกิดโรคกับน้ำหนักตัว(BCS) และการกินสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ (dietary indiscretion) เช่น กินขยะ เป็นต้น, รวมถึงประวัติการใช้ยา
- ตับอ่อนอักเสบในแมวมีความสัมพันธ์กับการพบโรคร่วม เช่น, chronic enteropathies, hepatic lipidosis, cholangitis, nephritis, diabetes mellitus เป็นต้น
บทความโดย
น.สพ. วิทวัส ศิริเดชรัตนกุล
อ้างอิงข้อมูล
Cridge, H., Parker, V. J., & Kathrani, A. (2024). Nutritional management of pancreatitis and concurrent disease in dogs and cats. Journal of the American Veterinary Medical Association, 1(aop), 1-7.
Forman, Marnin A., et al. “ACVIM consensus statement on pancreatitis in cats.” Journal of Veterinary Internal Medicine 35.2 (2021): 703-723.
คำแนะนำจากทีมสัตวแพทย์ Vetprima
ในการจัดการโภชนาการของแมวที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ โดยเฉพาะกรณีที่มีโรคร่วม ทีมสัตวแพทย์ Vetprima แนะนำให้พิจารณาเลือกใช้สูตรอาหารที่ย่อยง่ายและมีความเหมาะสมกับลักษณะของโรคเป็นรายกรณี โดยอาหารเป็นโปรตีน
ผ่านการไฮโดรไลซ์ (hydrolyzed protein) เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแมวที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
ในกรณีที่ต้องการเริ่มให้อาหารกับแมวที่อยู่ในโรงพยาบาล หรือแมวที่มีภาวะเบื่ออาหารเป็นเวลานาน สูตรอาหารของ Vetprima ที่สามารถให้อาหารผ่านทางทาง feeding tube เช่น อาหารสูตรOptimal ที่ให้พลังงานสูงในปริมาณน้อย อาจช่วยให้เริ่มการให้อาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่รบกวนระบบการย่อยอาหาร
สัตวแพทย์ควรประเมินลักษณะของโรค ร่วมกับพฤติกรรมการกินของสัตว์ป่วย และเลือกสูตรอาหารที่เหมาะสมทั้งในระยะเฉียบพลันและการดูแลต่อเนื่องระยะยาว